วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 3

5 จุดควรรู้เพื่อตั้งค่าบนเฟสบุ๊ก

หลังจากผู้ก่อตั้งเฟสบุ๊ก (Facebook) มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ออกมาประกาศเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าในเฟสบุ๊กตามความกังวลของผู้ใช้ หน่วยงานที่ตรวจสอบดูแล และนักวิจารณ์ทั่วโลก ต่อไปนี้คือ 5 ที่จุดการตั้งค่าเวอร์ชันล่าสุดที่สมาชิกเฟสบุ๊กทุกคนควรรู้เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวบนเฟสบุ๊กได้ตามใจต้องการ

1. ประวัติส่วนตัว (PERSONAL PROFILE)
เหนือสิ่งอื่นใด สมาชิกเฟสบุ๊กทุกคนต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจว่า ชื่อ เพศ และภาพในประวัติส่วนตัว จะเป็น 3 ข้อมูลพื้นฐานที่ต้องปรากฏสู่สายตาประชาชนเฟสบุ๊ก (หรืออย่างน้อยก็กลุ่มเพื่อน) โดยภาพประวัติและชื่อจะถูกแสดงแบบอัตโนมัติเมื่อมีการพิมพ์ข้อความแสดงความคิดเห็นบน "wall" หรือพื้นที่เฟสบุ๊กของใครก็ตาม ฉะนั้นรูปเถื่อน ดิบ ถ่อย อย่าเผลอเอาขึ้นเชียว
สิ่งที่สมาชิกเฟสบุ๊กสามารถทำได้คือการเลือกว่าใครจะสามารถเห็นข้อมูลอื่นๆในประวัติส่วนตัว (นอกเหนือจาก 3 ข้อมูลพื้นฐานข้างบน) เช่น สถานที่เกิด รายชื่อเพื่อน และงานอดิเรก
ก่อนจะไปตั้งค่า สมาชิกเฟสบุ๊กสามารถตรวจสอบสถานะความเป็นส่วนตัวที่มีอยู่ในปัจจุบันด้วยการคลิกที่คำว่า "Account" ซึ่งจะปรากฏอยู่มุมบนขวาของหน้าเฟสบุ๊ก จากนั้นจะมีดรอปดาวน์เมนู ให้เลือกที่ Privacy Settings
เมื่อเลือกแล้วจะปรากฏหน้าเพจ Basic Directory Information ให้คลิกที่ลิงก์ View Settings ซึ่งจะปรากฏในท้ายข้อความย่อหน้าแรก ก็จะสามารถตั้งค่าได้ว่าต้องการเปิดเผยประวัติส่วนตัวแก่ใคร
ข้อมูลประวัติส่วนตัวบางข้อมูลสามารถเก็บเป็นความลับเฉพาะไม่แบ่งใครก็ได้ โดยจะต้องเลือกที่ Customise ในเมนูดรอปดาวน์ และเลือกตั้งค่า "make this visible to" เป็น Only Me

2. การแบ่งปัน (SHARING ON FACEBOOK)
แน่นอนว่าสมาชิกเฟสบุ๊กทุกคนสามารถเลือกได้ตามใจชอบว่า ใครสามารถเห็นความเป็นคุณบนเฟสบุ๊กได้บ้าง โดยต้องตั้งค่าในส่วน "Sharing on Facebook" ซึ่งต้องเข้าทางหน้า Privacy Settings
ค่า Sharing on Facebook ที่เฟสบุ๊กแนะนำให้สมาชิกนั้นต้องยอมรับว่าค่อนข้างเปิดเผยมาก แต่ใน Sharing on Facebook สมาชิกจะสามารถเลือกเปิดเผยข้อมูลเฉพาะเพื่อน Friends Only หรือเลือก Customise Settings ซึ่งเป็นลิงก์ข้อความสีฟ้าตัวจิ๋วที่บริเวณท้ายสุดของหน้า เพื่อระบุขอบเขตผู้ชมที่เล็กลงกว่า
หน้า Customise Settings นี้เองที่สมาชิกเฟสบุ๊กสามารถ"ล็อก"ได้ว่าใครสามารถเห็นอีเมลแอดเดรส เบอร์โทรศัพท์มือถือ รวมถึงอนุญาตให้ใครสามารถเข้ามาเขียนข้อความที่ wall ได้บ้าง
สำหรับการเขียน status update หรือการโพสต์ข้อความอัปเดทสถานะแล้วต้องการล็อกให้สมาชิกบางคนเห็นเท่านั้น ก็สามารถคลิกที่สัญลักษณ์แม่กุญแจใต้กล่องข้อความ เพื่อตั้งค่าเป็นพิเศษได้

3. แอปพลิเคชันและเว็บไซต์ (APPLICATIONS AND WEBSITES)
เพื่อการทำให้เฟสบุ๊กไม่รก สมาชิกสามารถเปิดหน้า Privacy Settings ซึ่งมีทางเข้าที่มุมซ้ายล่างของหน้าเพื่อลบแอปพลิเคชันขยะที่ไม่ต้องการออกได้ด้วยการคลิกที่ "remove unwanted or spam applications" ซึ่งสมาชิกจะสามารถเลือกให้เหลือแต่แอปพลิเคชันสุดโปรดอย่างเกม Farmville หรือ Bejeweled Blitz ได้
ที่น่าสนใจคือ สมาชิกเฟสบุ๊กทุกคนสามารถลบประวัติไม่ให้ใครค้นหาได้เจอด้วยการคลิกลิงก์ Edit Settings แล้วคลิก untick หรือยกเลิกการยินยอมให้ค้นหาพบโดยสาธารณะ

4. การปิดกั้นไม่ให้ใช้ (BLOCK LISTS)
สมาชิกเฟสบุ๊กสามารถปิดกั้นไม่ให้ใครก็ได้เข้ามาชมข้อมูลส่วนตัว หรือข้อความอัปเดทสถานะ อย่างไรก็ตามควรรู้ว่า คนที่ถูกบล็อกจะสามารถติดต่อกับผู้ที่บล็อกได้ผ่านเกมบางเกม และแอปพลิเคชันบางตัว

5. เลิกใช้เฟสบุุ๊ก (QUITTING FACEBOOK)
กรณีที่สมาชิกอยากลบข้อมูลตัวเองออกจากเครือข่ายสังคมอย่างเฟสบุ๊ก สามารถเข้าไปที่ Help Centre ที่มุมล่างขวาของหน้าเฟสบุ๊ก เพื่อยกเลิกการใช้งานชื่อบัญชีเฟสบุ๊กอย่างหมดจด
ผู้ที่ต้องการยกเลิกเฟสบุ๊กจะต้องพิมพ์ข้อความ "delete my account" ลงในแถบค้นหา เลือกคำถาม "I want to permanently delete my account" แล้วแสดงความต้องการลบชื่อบัญชีด้วยการคลิกที่ "here" ซึ่งปรากฏที่ปลายประโยค แล้วยืนยันคำขอด้วยการกด "submit"
แต่สำรับคนที่อยาก"พัก"ขอเวลาออกห่างเฟสบุ๊กระยะหนึ่ง ก็สามารถเลือกตั้งค่าที่ลิงก์ Account (มุมขวาของหน้าเฟสบุ๊ก) แล้วคลิกที่ Deactivate Account หลังจากกรอกแบบฟอร์มเล็กน้อยจากเฟสบุ๊ก เฟสบุ๊กจะทำการพักและเก็บรักษาแฟ้มประวัติไว้เพื่อรอวันที่สมาชิกจะกลับมา re-activate อีกครั้ง แต่ผู้ใช้รายอื่นจะไม่สามารถเปิดชมเฟสบุ๊กของสมาชิกรายนั้นได้

อีกข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลิกใช้เฟสบุ๊กคือ วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม 53 (1 มิถุนายนในประเทศไทย) ถูกตั้งชื่อเรียกโดยกลุ่มคนออนไลน์ว่า Quit Facebook Day หรือวันเลิกใช้เฟสบุ๊กด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นคือสมาชิกเฟสบุ๊ก 31,000 ชื่อบัญชีทั่วโลกพร้อมใจกันตัดญาติกับเฟสบุ๊กด้วยการลบชื่อบัญชีออกเพื่อประท้วงว่าไม่เห็นด้วยกับมาตรการการรักษาข้อมูลส่วนตัวใหม่ในเฟสบุ๊ก โดยเฉพาะการกำหนดค่าเริ่มต้นที่เปิดเผยข้อมูลเสรีมาก ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่รู้ว่าต้องตั้งค่าความส่วนตัวใหม่นั้นสูญเสียความเป็นส่วนตัวไปและตกอยู่ในความเสี่ยง
ขณะนี้ เฟสบุ๊กมีสมาชิก 450 ล้านคน ราว 3.75 ล้านคนเป็นผู้ใช้งานในประเทศไทย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงอายุระหว่าง 18-24 ปี (ขอบคุณข้อมูลจาก checkfacebook.com)
สำหรับไกด์ไลน์การตั้งค่าผู้ใช้เฟสบุ๊กทั้ง 5 ข้อนี้ ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพประกอบจากบีบีซีนิวส์
แหล่งที่มาข้อมูล : http://www.manager.co.th/CBizReview/ViewNews.aspx?NewsID=9530000077766

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่ 2

ซีอีโอเผย ยอดผู้ใช้ 'เฟซบุ๊ก' ทะลุ 500 ล้าน

ยอดผู้สมัครใช้บริการ "เฟซบุ๊ก" ทั่วโลก มีจำนวนทะลุหลัก 500 ล้านคนไปแล้ว จากการเปิดเผยของซีอีโอ และผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมดังกล่าว...
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ว่า "เฟซบุ๊ก" เว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง ได้มีตัวเลขยอดผู้สมัครเข้าใช้งานทะลุหลัก 500 ล้านคนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
มาร์ค เอลเลียต ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอวัย 26 ปี และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท "Facebook Inc." ผู้ให้บริการเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดัง ได้ออกมาแถลงที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทในเมืองพาโล อัลโต มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ของสหรัฐฯ โดยระบุว่า ยอดผู้สมัครใช้บริการผ่านทางเว็บไซต์ "facebook.com" ทั่วโลกในขณะนี้ ได้เพิ่มจำนวนขึ้นจนทะลุหลัก 500 ล้านคนไปแล้ว เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้ใช้บริการของเฟซบุ๊กยังอยู่ที่ราว 400 ล้านคน
"ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จะมีคนสนใจสมัครใช้บริการของเฟซบุ๊กมากถึงเพียงนี้ และหากมีใครบอกกับผมเมื่อตอนก่อตั้งบริษัทเมื่อ 6 ปีที่แล้วว่า เฟซบุ๊กจะมีคนใช้งานถึง 500 ล้านคน ผมคงจะไม่มีวันเชื่ออย่างแน่นอน" ซัคเคอร์เบิร์ก กล่าว
ซีอีโอของเฟซบุ๊ก อิงก์ ซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายยิวรายนี้ ยังแถลงเปิดตัวแอพพลิเคชั่นใหม่ล่าสุดที่จะเปิดให้ใช้บริการในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก คือ บริการที่เรียกว่า "Facebook Stories" ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ต่างๆ ได้มากขึ้นเช่นเดียวกับการเขียน "บล็อก" ที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกออนไลน์
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดจากบริษัท "คอมสกอร์ อิงก์" ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำวิจัยด้านการตลาดชื่อดัง ออกมาระบุว่า จำนวนผู้ใช้งานที่แท้จริงของเฟซบุ๊กจนถึงขณะนี้ อยู่ที่ 519 ล้านคนแล้ว และยังคงเป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลกในเวลานี้
แหล่งที่มาข้อมูล :http://www.thairath.co.th/content/oversea/98030

วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ข่าวสารประจำสัปดาห์ที่1

"Facebook" ว่าที่สปอนเซอร์รายใหม่ของทีมชาติอังกฤษ ?

“Facebook” เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network) ยอดฮิต เตรียมทุ่มเงิน 40 ล้านปอนด์ (ราว 2,000 ล้านบาท) เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนรายใหม่ของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) แทน เนชันไวด์ แม้ก่อนหน้านี้ ฟาบิโอ คาเปลโล กุนซือจอมเฮี้ยบจะออกกฎเหล็กห้ามนักเตะเล่นเฟซบุ๊กในช่วงฟุตบอลโลกก็ตาม

“เดลี เมล์” สื่อเมืองผู้ดีรายงานว่า เฟซบุ๊ก เป็น 1 ใน 4 บริษัทที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ให้ทีมชาติอังกฤษ เช่นเดียวกับ โอทู (O2) และ ออเรนจ์ (Orange) สองผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึง ซานตานเดร์ (Santander) ธนาคารสเปน โดยสมาคมลูกหนังผู้ดีคาดหวังว่าจะได้เงินสนับสนุนมากขึ้น 2 เท่าจากที่ เนชันไวด์ กลุ่มธุรกิจการเงินและการธนาคารชั้นนำของโลกเคยให้ 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,000 ล้านบาท) ภายใต้สัญญา 4 ปี ซึ่งจะไม่ต่อสัญญาที่กำลังจะหมดลงในเดือนหน้า

อนึ่ง เฟซบุ๊ก เป็นเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 400 ล้านคน ซึ่งหากเอฟเอได้มาเป็นผู้สนับสนุนหลักจริงก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้แฟนบอล “สิงโตคำราม” มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็นต่อผลงานที่ต่ำกว่ามาตรฐานของทีมชาติ ภายใต้การคุมทัพของ ฟาบิโอ คาเปลโล เฮดโค้ชชาวอิตาเลียนที่สั่งห้ามนักเตะเล่น เฟซบุ๊ก ในระหว่างลงทำศึกเวิลด์คัพ 2010 ที่แอฟริกาใต้

นอกจากนั้น แหล่งข่าวยังประเมินว่า หากทีมชาติอังกฤษมีหน้าเฟซบุ๊กเป็นของตัวเองจากการทำสัญญากับเครือข่ายสังคมออนไลน์สัญชาติอเมริกัน และสามารถสร้างผลงานได้น่าประทับใจในช่วงต่อจากนี้ เชื่อว่าจะมีเรตติงในระดับที่สูสีกับ “เลดี กาก้า” นักร้องสาวชื่อดังซึ่งมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมหาศาลถึง 10 ล้านคน

ทั้งนี้ อังกฤษ กำลังเร่งเจรจาในการบรรลุข้อตกลงกับ 1 ใน 4 บริษัทดังกล่าวโดยเร็ว เพื่อให้ทันเปิดตัวในเกมอุ่นเครื่องกับ ฮังการี ที่สนามเวมบลีย์ ในวันที่ 11 สิงหาคมนี้ รวมถึงมีอำนาจต่อรองในการดึงสปอนเซอร์รายใหม่เข้ามาร่วมสนับสนุน

ที่มาครับ

http://paidoo.net/scoop/facebook